นางเกศมณี เลิศกิจจา นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง จนมองว่าเป็น 1 ใน 5 อุตสาหกรรมสำคัญที่ช่วยเพิ่มจีดีพีให้ประเทศไทย แต่ปัญหาหลักที่ผ่านมา คือ เอสเอ็มอีที่จำหน่ายเครื่องสำอางไม่มีพื้นที่ขาย จึงอยากให้รัฐบาลใหม่ช่วยสร้างซอฟต์พาวเวอร์ โดยเข้าไปสนับสนุนจัดหาพื้นที่ว่าง หรือตึกว่าง ให้ผู้ประกอบการนำสินค้าเข้าไปจำหน่าย เพื่อเป็นศูนย์รวมสินค้าความงาม จากนั้นส่งเสริมให้เป็นสถานที่สำหรับกลุ่มบริษัททัวร์นำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าเช่นเดียวกับในต่างประเทศ คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
“ขณะนี้กัมพูชา ลาว เมียนมา มาเลเซีย ที่มาเที่ยวไทย มักจะซื้อสินค้าความงามในไทยกลับไปเป็นของฝาก เนื่องจากสินค้าไทยมีศักยภาพที่สามารถแข่งขันได้ เห็นได้จากเครื่องสำอางแบรนด์ดังจากประเทศเกาหลี ที่เคยเข้ามาทำตลาดในไทย สุดท้ายต้องพ่ายแพ้กลับไป”
ทั้งนี้ จึงเห็นได้ว่าปัจจุบันกลุ่มสุขภาพและความงามเป็นธุรกิจที่สร้างเงินให้จำนวนมากเนื่องจากความงามที่แข็งแรงจะต้องมาจากภายในและภายนอก ส่งผลให้ในปี 65 ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดความงามทั่วโลกมีมูลค่าอยู่ที่ 648,000 ล้านบาท เติบโต 6% โดยประเทศไทยมีมูลค่า 246,000 ล้านบาท เติบโต 9.22% และคาดว่าในปี 66 นี้ จะเติบโต 9.46% แบ่งเป็นการผลิตขายในประเทศ 85% นำเข้ามาจำหน่าย 15% ส่วนมูลค่าตลาดที่ผลิตขายในประเทศมีสัดส่วนที่ 72% และส่งออก 28% โดยมีตลาดสกินแคร์ที่ใหญ่ที่สุดในสัดส่วน 44% เส้นผม 16.7% และเครื่องสำอาง 9.3%
อย่างไรก็ตามการเติบโตในตลาดความงามที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากการขายในช่องทางอีคอมเมิร์ซในสัดส่วนถึง 28% โดยปีนี้คาดว่ายอดขายจากช่องทางดังกล่าวยังเติบโตได้ถึง 13% ทั้งนี้สินค้าระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ปี 65 มีมูลค่า 44,500 ล้านบาท เติบโต 9% และปีนี้คาดว่าเติบโต 13% ที่มูลค่า 50,000 ล้านบาท ด้านราคาระดับกลางปี 65 มีมูลค่า 30,000 ล้านบาท เติบโต 8.8% และราคาระดับล่างที่เข้าถึงง่ายปี 65 มีมูลค่า 158,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าเติบโต 11.6% ที่มูลค่า 176,000 ล้านบาท ส่วนตลาดเวชสำอางมีมูลค่า 1,700 ล้านบาท คาดว่าเติบโต 13.3%คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า จากกระแสความนิยมทั่วทั้งอุตสาหกรรมความงามกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดงานแสดงสินค้าระดับโลก ‘Cosmoprof CBE ASEAN’ ในรูปแบบ B2B ครั้งที่2 ขึ้นระหว่างวันที่ 14 ถึง 16 กันยายน 2566 เพื่อรวบรวมผู้จัดจำหน่ายและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำที่เป็นตัวแทนในอุตสาหกรรมทุกภาคส่วนรวมไว้ที่งานเดียว เริ่มตั้งแต่ในกลุ่มสายการผลิตสินค้าความงาม ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป คาดว่าจะมีผู้จัดแสดงมากกว่า 1,000 แบรนด์ จาก 15 ประเทศรวมถึงกรุ๊ปพาวีเลี่ยนจาก 7 ประเทศชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์ความงาม อาทิ เกาหลีจีน ญี่ปุ่น อิตาลี และประเทศอื่น ๆ ตั้งเป้าหมายมีผู้เยี่ยมชมงานได้มากกว่า 12,000 ราย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อคุณภาพจากในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย อาทิ ประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สิงคโปร์ รวมไปถึงอินเดีย